วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ทีมชาติ-บอลลีก ต้องสมดุลกัน

เรียบเรียงโดย Tony Report.

ขอบคุณเนื้อหา : -ยอดทอง- www.siamsport.co.th
ผลงานของทีมฟุตบอลชาติไทย ภายใต้การทำทีมของ วินฟรีด เชเฟอร์ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ และเป็นความหวังว่า ทีมไทยมีสิทธิ์ที่จะได้เข้ารอบสิบทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย             
ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมในนัดถล่มโอมาน ทำให้ "มองข้ามชอต" ว่า ในแมตช์ต่อไปวันที่ 11 ต.ค.นี้  ซาอุดีอาระเบีย  เราหวังชนะ เก็บตุนแต้มไว้ก่อน 6 แต้ม เส้นทางเข้ารอบย่อมใสกระจ่างยิ่งขึ้น

  
แฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ ย่อมหวังเห็นความสำเร็จนั้น แต่คนที่มีแรงปรารถนาอย่างที่สุดคือ คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ
  
นอกจากเงินอัดฉีดสองล้านต่อแมตช์ (ถ้าชนะ) เบี้ยเลี้ยงซ้อมทีมชาติเพิ่มเป็นวันละสองพันบาท คุณวรวีร์ ยังเดินเรื่อง ให้มีการเก็บตัวทีมชาติก่อนการแข่งขันสิบห้าวัน
  
ด้วยเชื่อว่า ยิ่งเก็บตัวทีมชาตินานยิ่งดี ทั้งบ่มตัว ฝึกซ้อมร่วมกันทีมเวิร์กจะได้ไหลลื่น ที่สำคัญนักเตะจะได้ไม่ช้ำ จะได้มีศักยภาพสูงสุดในการลงสนาม...ทำงานเพื่อชาติ
  
เจตนาของคุณวรวีร์นั้นดีครับ คือมีจุดประสงค์อย่างแรงกล้า กับการ "มีเท่าไหร่ ใส่ให้หมด" กับวิถีฟุตบอลทีมชาติชุดนี้
  
แต่ทุกอย่างในโลกอยู่ในกติกาแห่งสัจธรรม "มีได้ ย่อมมีเสีย ไม่มีอะไรที่มีแต่ได้ไปทั้งหมด จึงต้องรักษาสมดุล ได้-เสียให้พอกัน"
  
หากการเก็บตัวทีมชาตินานถึงครึ่งเดือนจริง จากคำสั่งของสมาคมฟุตบอลฯ จะสร้างผลกระทบอย่างมากกับสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสโมสรต้นสังกัดของนักเตะทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี เอฟซี, เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ พีอีเอ, บางกอกกล๊าส ฯลฯ
  
ประเด็นที่เห็นๆ ก็คือ จากโปรแกรมที่บริษัทไทยพรีเมียร์ลีกเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพออกไป เพื่อเปิดทางให้กับทีมชาติ ทำให้สโมสรขาดรายได้จากการขายตั๋วผู้ชม (สำคัญคือเป็นเงินเดือนนักบอล)
              
เอาใกล้ตัวก็แล้วกัน อ้างอิงได้เต็มปากหน่อย อย่างเมืองทองฯ หายไปสามแมตช์ เท่ากับเดือนนี้เงินหล่นไปก็ไม่หนีสาม-สี่ล้านนะครับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนบวกเงินเดือนนักเตะ สโมสรต้องจ่ายเดือนละ 7 ล้านบาท! ก็ต้องควักเนื้อกันไปเต็มๆ หรือนักเตะเจ็บจากการเล่นให้ทีมชาติ อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ก็ใช้งานไม่ได้ไปจนถึงเดือนตุลาคม เล่นให้ทีมในเอเอฟซี คัพ ก็ไม่ได้ พบกับชลบุรีในศึกโตโยต้า ลีก คัพ (ที่หากเมืองทองฯ หวังเข้ารอบ ต้องชนะด้วยผลต่างมากกว่าหนึ่งประตู) ก็ลงไม่ได้ 
  
ไม่ใช่เมืองทองฯ สโมสรเดียวหรอกครับที่ประสบ ชลบุรีก็ด้วย
  
ซ้ำต่างยังอยู่ในเส้นทางลูกหนังทุกถ้วย 4 ถ้วย  พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, โตโยต้า ลีก คัพ, เอเอฟซี คัพ  ยังไงก็มีผลกระทบ ต่อให้ใช้ระบบโรเตชั่นแค่ไหนก็เถอะ
  
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็น "วิถีลูกหนัง" ที่สโมสรใหญ่ระดับหัวกะทิ มีนักเตะในสังกัดติดทีมชาติเยอะตัวจะต้องประสบโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
  
สโมสรใด ไม่ส่งนักเตะให้ทีมชาติ อ้างเจ็บ เพื่อเก็บตัวไว้เล่นให้สโมสร (สโมสรระดับโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังทำเลย สั่ง เวย์น รูนี่ย์ เจ็บ ก็ต้องเจ็บ)  ก็จะกลายเป็นจำเลยสังคม โดนสังคมออนไลน์ถล่มในเว็บอีก ยิ่งเมืองไทยชาตินิยมสูง  เพื่อชาติ น้อยกว่านี้ได้ยังไง
  
ปัญหาตรงนี้ สโมสรที่คิดอย่าง "มืออาชีพ" ก็พอจะรับได้ครับ
             
แต่ที่จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปแน่ๆ ถ้าหากสมาคมฟุตบอลฯ ยังใช้ระบบเก็บตัวนักเตะทีมชาติยาวเป็นครึ่งเดือน แล้วให้บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก เลื่อนการแข่งขันฟุตบอลลีกออกไปเป็นสองสามอาทิตย์อย่างที่ทำ
               
เพราะตารางที่เลื่อนกันทั้งยวงก็จะไปอัดแน่นเป็น "ดินพอกหางหมู" กันปลายซีซั่น ยังต้องยันเวลาให้กับทีมชาติชุดซีเกมส์ ช่วงเดือนพฤศจิกายนอีก
  
ถึงตอนนั้นฟุตบอลไทยลีกต้องเล่นกันวันเว้นวันแหละครับ
  
ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีกท่านก็พูดไว้...เพียงแต่ขอบคุณสโมสรที่ให้ความร่วมมือและแจ้งโปรแกรมที่อัดแน่นแน่ในปลายซีซั่น ซึ่งก็เพียงแค่นามธรรมเท่านั้น ตอนนี้ไม่เห็นภาพหรอก
            
แต่มันจะโกลาหล อีนุงตุงนัง อ่วมอรทัยไปหมด ก็ตอนเป็นของจริง
           
นักเตะก็เหนื่อยรากเลือดกับโปรแกรมเตะวันเว้นวัน จะเจ็บกันระนาวยาวเหยียดก็คราวนี่แหละ ศักยภาพทีมก็ด้อยลงทั้งที่เข้มข้นหมายถึงแชมป์
   
แฟนบอลจะจ่ายค่าตั๋วมาดูได้อย่างไรแทบทุกวัน สนามที่แน่นๆ ก็จะโหรงเหรง สโมสรมีรายได้ลดลงเห็นๆ มีหวังเจ๊งชัยหน้าแห้งกันถ้วนหน้า
            
ไหนเรื่องสปอนเซอร์อีกล่ะ เขาจ่ายเงินให้กับวงการฟุตบอลไทย มีสัญญาการถ่ายทอดสดทั้งฟรีทีวี ทั้งเคเบิล มูลค่าเป็นสิบๆ เป็นร้อยล้าน บทจะลักปิด ก็ไม่มีเลย บทจะลักเปิดปลายซีซั่น ตารางก็ออกมาท่วมจนล้น ระบบมันไม่ได้ รายได้ส่วนนี้ถูกตัดออก ไอ้กระแสฮิตๆ เงินอู่ฟู้มันจะละลายหายไปนะ ทำเป็นเล่นไป
   
นี่คือ "ข้อเสีย" จากการที่สมาคมฟุตบอลฯ ไม่ยึดหลักปฏิบัติที่เป็นสากลของวิถีฟุตบอลอาชีพกับวิถีทีมชาติไงครับ
  
คิดว่าแค่ "ถ่าง" เวลาให้ทีมชาติมากหน่อย มันไม่อะไรหนักหนาหรอกกับผลกระทบกับตารางของฟุตบอลลีกอาชีพ
               
ที่จริงแล้ว หนักหนามาก กับสโมสรฟุตบอลฯ และนักเตะอาชีพในระยะยาว และมีผลต่อการเสื่อมถอยของวิถีฟุตบอลอาชีพ เพราะมันกระทบไปทุกส่วนดังที่กล่าวมา
  
ผมเรียนว่า การถ่างเวลาเก็บตัวนักเตะทีมชาติต้องเหมาะสมครับ
               
ในกฎฟีฟ่าระบุอย่างน้อยห้าวัน สโมสรอาชีพในยุโรปมักปล่อยไม่เกิน 7 วันทั้งนั้น แต่เป็นครึ่งเดือนดังที่สมาคมต้องการ มันมีผลต่อความไม่สมดุลในวิถีลีก เกินกว่าสโมสรจะแบกรับนะครับ
  
อีกประการก็คือ โปรแกรมลีกต้องเป็น "กฎเหล็ก" อย่าเป็นไม่หลักปักขี้เลน ผลัดตอนนี้ ไปมั่วเร่งเอาตอนท้าย ที่ต้องแข่งกันวันเว้นวัน
              
ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกันหรอกครับ เลื่อนโปรแกรมลีกเป็นสองสามอาทิตย์เพื่อนักฟุตบอลทีมชาติ (เพราะกลัวสโมสรจะไม่ให้ตัวมา)  สโมสรเขามี
วิจารณญาณในเรื่องนักเตะเองแหละ อย่าคิดแทน
  
สัจธรรมสรรพสิ่งคือ ความสมดุล
              
วิถีลูกหนังไม่สมดุล คนฉิบหายคือสโมสรกับนักเตะ...แล้วที่สุด จะเหลืออะไรให้ทีมชาติล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น