วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

"สโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด"

ตราสโมสร
สโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลของประเทศไทย ลงเล่นในระดับไทยพรีเมียร์ลีก โดยเลื่อนชั้นขึ้นมาในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 1เมื่อจบฤดูกาล 2008

ประวัติสโมสร
ยุคแรก (โรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์)
บุคคลที่เป็นผุ้ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด คือ นายวรวีร์ มะกูดี ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นการก่อตั้งหลังจากทีมโรงเรียนศาสนวิทยา หรือทีมบีอีซี เทโรศาสน ในปัจจุบันเพียง 3 ปี ชื่อแรกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมฟุตบอลเป็นชื่อทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ เริ่มไต่เต้าจากถ้วยเล็กสุดอย่างถ้วยพระราชทานประเภท ง กระทั่งในการแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2545-2546 ทีม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นหนแรกเป็น สโมสรฟุตบอลไข่มุกดำหนองจอก โดยได้วีระ มุสิกพงศ์ อดีตนักการเมืองเข้ามาทำทีม แต่แค่ฤดูกาลเดียวเมื่อไม่ประสบความสำเร็จนายวีระ ก็เลิกลาไปโดยที่ทีมยังคงอยู่ในลีกดิวิชั่น 1 ต่อไป


เข้าสู่ระบบลีก
ฤดูกาลต่อมาของลีกดิวิชั่น 1 2546-2547 ทีมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งตามกลุ่มที่เข้าเทกโอเวอร์รับทำทีมต่อก็คือ สโมสรฟุตบอลหลักทรัพย์โกล์เบล็ค หนองจอก โดยมีโค้ชหลอ สมศักดิ์ เซ็นเชาวนิช เป็นผู้จัดการทีมแต่ปีนั้นทีมทำผลงานได้ย่ำแย่ จนสุดท้ายก็ต้องตกชั้นไปเล่นในถ้วยพระราชทานประเภท ข ในฤดูกาล 2547-2548 โดยกลับไปใช้ชื่อเดิม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จุดเริ่มต้นก่อนจะมายิ่งใหญ่เช่นทุกวันนี้นั้น น่าจะเป็นเพราะสมาคมฟุตบอลฯ ต้องการยกระดับลีกการแข่งขันในประเทศของไทย ให้เป็นสากลมากขึ้นจึงก่อตั้งลีกดิวิชั่น 2 ขึ้นมาโดยนำทีมจากถ้วยพระราชทาน ข และ ค มาผสมรวมกันเพื่อแข่งขันในลีกนี้ในฤดูกาล 2549-2550 ซึ่ง ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันด้วย และปีนั้นกับลีกดิวิชั่น 2 ของไทยครั้งแรกชื่อทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด โดยผู้สนับสนุนทีมคือ นายระวิ โหลทอง ที่รับตำแหน่งประธานสโมสร

ยุคเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ
ปีนั้นทีมใช้ผู้จัดการทีมอย่าง นพพร เอกศาสตรา คุมทีมโดยมี โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ เป็นผจก.ทีมและสุดท้ายปีนั้นเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ครั้งแรกพร้อมได้สิทธิ์ก้าวไปเล่นลีกดิวิชั่น 1 ในปี พ.ศ. 2551 ได้สำเร็จ ความสำเร็จจากแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 จุดประกายฝันให้ทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด เดินหน้าต่อในลีกดิวิชั่น 1 แต่สุดท้ายทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ก็ทำได้เมื่อผู้จัดการทีมอย่าง โค้ชหมี สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ประจำปี 2551 มาครอบครองได้สำเร็จ พร้อมขึ้นชั้นมาเล่นไทยพรีเมียรลีก 2009 (ไทยลีก ครั้งที่ 13) ได้สำเร็จ ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 อันเป็นครั้งแรกของทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ได้ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของประเทศได้เป็นครั้งแรก นับจากก่อตั้งสโมสรมา 20 ปีนั้น สุดท้ายประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไทย ก็ต้องจารึกอีกครั้งเป็นตำนานบทใหม่ว่าเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด นั้นเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกของไทยไล่จากลีกดิวิชั่น 2,ดิวิชั่น 1 จนถึงลีกสูงสุดของไทยอย่าง ไทยพรีเมียร์ลีก แบบใช้เวลา 3 ปี ถ้วยต่อถ้วยได้สำเร็จเป็นทีมแรกที่ยังไม่เคยมีสโมสรไหนทำได้มาก่อนนับแต่ที่ลีกลูกหนังไทยปรับโฉมมาเป็นลีกดิวิชั่น 2,1 และไทยพรีเมียร์ลีก จากเดิมที่เป็นถ้วยง,ค,ข และลีกดิวิชั่น1 ก่อนถึงไทยลีกเท่านั้น

สนามเหย้า
สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด ใช้สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยมเป็นสนามเหย้า โดยสนามแห่งนี้อยู่หลังอาคารชาเลนเจอร์ เป็นพื้นที่โล่งใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วนพิเศษ ไปได้ทุกที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม นั้นปัจจุบันมีความจุโดยประมาณ 15,000 ที่นั่ง ได้มาตรฐานเอเอฟซี

ผลงาน

*2553 - เอเอฟซี คัพ - รอบรองชนะเลิศ
*2553 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ
*2553 - ถ้วยพระราชทาน ก - ชนะเลิศ
*2552 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ
*2551 - ไทยลีก ดิวิชั่น 1 - ชนะเลิศ
*2550 - ไทยลีก ดิวิชั่น 2 - ชนะเลิศ

สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม (รังเหย้าของสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด)

นักฟุตบอลของสโมสรขอบคุณแฟนบอล

ภาพภายในสนามก่อนแข่ง

3 ปี 3 แชมป์
ล่าสุดคือแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 และ 2010
นักแตะ-เบื้องหลังกองเชียร์ที่มาให้กำลังใจ

สุดยอดจริงๆ



Present by Tony report.
เว็บไซต์ของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด
www.mtufc.com

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 เมษายน 2554 เวลา 18:43

    อยากให้ทุกสโมสรในไทยลีกค์เอาเป็นตัวอย่างจัง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ21 เมษายน 2554 เวลา 18:45

    การที่คุณลงทุนทำทีมเยอะๆ ทำการตลาดให้กับทีมเยอะๆ เชื่อเถอะว่าคุณไม่สูญเสียเปล่าแน่ เพราะคุณจะได้รับประโยชน์กลับคืนมาจากแฟนบอลมากกว่านั้นเลยทีเดียวเชียว

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ22 เมษายน 2554 เวลา 21:10

    อยากให้ทุกสโมสรเอาเป็นตัวอย่างเพื่อความสุขของพี่น้องชาวไทย

    ตอบลบ
  4. งบลงทุนมหาศาลแต่คุณก็ได้กลับมาอย่างมหาศาลเหมือนกัน เพราะ ไม่เคยเห็นใครทำทีมฟุตบอลแล้วจน เลยสักคนเดียว ที่สโมสรต้องขายเพราะไม่อยากทำต่อ เก็บทุนการลงทุนกลับแล้วทำเป็นออกข่าวว่ามีหนี้สินมากมายแล้วต้องการขายต่อ ที่จริงในกระเป๋าตุนไว้เท่าไหร่แล้ว

    ตอบลบ